รู้ไว้ดีกว่า เกมไพ่โป๊กเกอร์ ไพ่ที่เล่นแล้วเทพ มีอะไรบ้าง

ก่อนที่จะเริ่มเล่นเกมไพ่โป๊กเกอร์ หลังจากวางเดินพันเรียบร้อยแล้ว จะได้รับไพ่ 2 ใบบนมือ ไพ่นี้แหละเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจว่าควรจะเล่นต่อหรือหมอบทิ้งไป โดยหากเรามีไพ่ที่ดีตั้งแต่แรกนั้น จะทำให้เราได้เปรียบคู่ต่อสู่ ถึงแม้จะมีไพ่ที่จะมาเปลี่ยนผลลัพธ์อีก 5 ใบก็ตาม ตัวอย่างเช่น หากคุณถือไพ่ A♣K♣ และคู่แข่งของคุณได้ไพ่ A♠4♦ คุณจะได้เปรียบทันที เพราะถึงแม้การเปิดไพ่กองกลางมาเป็น A คุณก็ยังชนะ เพราะคุณมีตัว Kicker ที่สูงนั่นเอง 

คำว่า “Kicker” หมายถึงตัวหนุน หรือไพ่ใบเล็กกว่าจากไพ่สองใบในมือของเรา ผู้เล่นบางคนนิยมเล่นไพ่กลุ่ม Ax (เช่น A2 มี 2 เป็น Kicker) และไพ่แบบนี้มักจะทำให้เสียเงินอยู่บ่อยๆ เพราะว่าหากผู้เล่นคนอื่นถือ ไพ่ A เหมือนกัน เขาต้องมี Kicker ที่สูงกว่าเราอยู่แล้ว เพราะ 2 มีค่าน้อยที่สุด ดังนั้นการเล่นไพ่ Ax อาจจะเป็นไพ่ที่ดี แต่ยังไม่ใช่ไพ่ที่ดีที่สุด ควรระวังในการเล่นและดูสถานการณ์อื่นๆประกอบด้วย

 จะเห็นได้ว่าการมีไพ่บนมือที่ดีตั้งแต่เริ่มต้นเล่นเกมไพ่โป๊กเกอร์นั้นจะทำให้คุณได้เปรียบ และใช้ความได้เปรียบนี้ในการกดดันคู่แข่งและนำคุณไปสู่ชัยชนะได้ ต่อไปจะเป็นคำแนะนำที่ช่วยในการตัดสินใจ ในการเลือกไพ่เข้าไปเล่นนั้น เราจะอ้างอิงตาม ลำดับไพ่ เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะเกิดให้ได้ตามนั้น

ไพ่คู่ (Pocket Pair หรือเรียกสั้นๆว่า Pocket) เป็นไพ่ที่ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ สำหรับเกมโป๊กเกอร์แบบ  Texas Hold’em เพราะว่าเราไม่ต้องไปรอลุ้นกับไพ่กองกลาง เพื่อให้ติดคู่ เพราะเรามีคู่บนมืออยู่แล้ว ยิ่งถ้าเราถือ AA ซึ่งคือไพ่คู่ที่สูงที่สุดแล้ว คู่แข่งจะต้องใช้ 2 คู่เพื่อที่จะชนะคุณ และยิ่งกว่านั้นหากไพ่กองกลางเปิดออกมาแล้วทำให้คุณได้ตอง ยิ่งทำให้คุณแข็งแกร่งและโอกาสที่จะแพ้น้อยลงมากๆหรือแทบจะไม่มีเลย แต่สิ่งที่ควรระวังคือการที่มีไพ่คู่ที่แต้มน้อย เพราะถ้าคู่แข่งของคุณถือไพ่ที่สูงกว่าและเขาได้คู่จากการเปิดไพ่กองกลางอาจทำเขาชนะคุณได้เช่นกัน เช่นการที่คุณถือ 4♣4♦ และคู่แข่งของคุณถือไพ่  7♠J♥ เพราะฉะนั้นถ้ามี 7 หรือ J ออกมาในกองกลางนั้นจะทำให้ตกอยู่ในที่ยากลำบากได้ เพราะฉะนั้นแล้วยิ่งที่ไพ่คู่ที่แต้มสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นคุณควรที่จะลองวางแผนว่าไพ่คู่ไหนที่คุณควรจะเล่นโดยสามารถเก็บข้อมูลได้จากประสบการณ์ในการเล่นของคุณเองก็ได้

ไพ่สีเดียวกันติดกัน (Suited Connectors) การที่ไพ่ของคุณมีดอกสีเดียวกันจะทำให้คุณมีโอกาสลุ้น Flush ได้มากขึ้นเพราะการลุ้นไพ่กองกลางให้ออกสีเดียวกัน 3 จาก 5 ใบนั้นง่ายกว่าการให้ออกสีเดียวกัน 4 จาก 5 ใบ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ไพ่สีเดียวกันแข็งแกร่งแต่ก็ควรระวังไพ่สีเดียวกันที่แต้มน้อยด้วยเพราะคู่แข่งของคุณก็อาจจะมีไพ่สีเดียวกันเหมือนกันและเมื่อไปสู่รอบ Showdown แล้ว ถึงคุณจะได้ Flush ด้วยกันทั้งคู่แต่คู่แข่งของคุณจะชนะด้วย Flush ที่ใหญ่กว่า และเมื่อไพ่ของคุณเป็นไพ่ที่ติดกันอีกนอกจากจะได้ลุ้น Flush แล้ว ยังสามารถลุ้นเรียงได้อีกด้วย เช่นการที่คุณถือ 5♠4♠ และคู่แข่งของคุณถือ A♣3♠ หลังจากนั้นกองกล่างออก 3♠6♣10♠ คุณจะสามารถลุ้นได้ทั้งติด Flush จากการรอไพ่ ♠ ออกอีก 1 ใบ หรือลุ้น Straightจาก 3-4-5-6-7 หรือ 2-3-4-5-6 ได้เช่นกัน ทำให้คุณมีโอกาสชนะไพ่สูงอย่าง A ได้มากขึ้นอีกด้วย        

ไพ่ติดกัน (Connected) การมีไพ่ที่มีแต้มเรียงกันทำให้คุณสามารถลุ้นไพ่เรียงกันหรือ Straight ได้มากขึ้น และยิ่งเป็นไพ่ที่แต้มเรียงกันที่สูงยิ่งทำให้คุณมีโอกาสชนะที่มากขึ้น แต่ระวังที่ไพ่คุณลุ้นจะให้มาเรียงกันเช่น 4♠2♣ แบบนี้จะเป็นไพ่ที่ไม่น่าเล่นเพราะความแข็งแกร่งของไพ่ก็อยู่ลำดับกลางๆ การจะเรียงได้คุณต้องบังคับในการมี 3 เข้ามาเพื่อจะเชื่อ 4 และ 2 แต่หากเป็นไพ่ 9♠8♠ เป็นไพ่ที่ยังไม่แข็งแกร่งมากแต่สามารถเข้าไปเล่นได้หากเดิมพันไม่สูงมากเพราะตัวไพ่ก็ยังมีแต้มที่สูงพอสมควร สามารถลุ้น Flush ได้ และยังสามารถลุ้น Straightได้ทั้งหน้าและหลัง คือ 5-6-7-8-9 หรือ 8-9-10-J-Q นั้นเอง  

ไพ่สีเดียวกันไม่ติดกัน (Suited Unconnected) การที่ไพ่ของคุณมีดอกสีเดียวกันจะทำให้คุณมีโอกาสลุ้น Flush ได้มากขึ้นเพราะการลุ้นไพ่กองกลางให้ออกสีเดียวกัน 3 จาก 5 ใบนั้นง่ายกว่าการให้ออกสีเดียวกัน 4 จาก 5 ใบ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ไพ่สีเดียวกันแข็งแกร่งแต่ก็ควรระวังไพ่สีเดียวกันที่แต้มน้อยด้วยเพราะคู่แข่งของคุณก็อาจจะมีไพ่สีเดียวกันเหมือนกันและเมื่อไปสู่รอบ Showdown แล้ว ถึงคุณจะได้ Flush ด้วยกันทั้งคู่แต่คู่แข่งของคุณจะชนะด้วย Flush ที่ใหญ่กว่า            

ไพ่ไม่ติดกัน (Unconnected) ไพ่ที่ไม่ติดกันอาจจะมีช่องว่าง (Gap) 1, 2 หรือ 3 ช่อง ยิ่งช่องว่างเยอะยิ่งลดโอกาสติด Straight ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณถือ 26 คุณจะต้องได้ฟลอป 345 เท่านั้น แต่ถ้าคุณถือ 97 คุณมีโอกาสติด Straight ถ้า Flop ออก 8TJ, 568 หรือ 68T ซึ่งมีโอกาสเกิด Straight ได้ยากกว่าไพ่เรียงติดกัน

จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนั้น เป็นเพียงข้อแนะนำในการเล่นเกมไพ่โป๊กเกอร์ที่มีโอกาสชนะสูงเท่านั้น หากคุณได้ลองเล่นและเก็บประสบการณ์จากการเล่นจนมีเทคนิคในการเล่นโป๊กเกอร์มากพอแล้ว สามารถขยายขอบเขตการเล่นและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ของตัวเองได้ ไม่ควรที่จะหมอบเพื่อที่จะรอไพ่ดีๆเท่านั้น เพราะหากคุณรอเล่นแต่ไพ่ดีๆ ก่อนที่ไพ่ดีๆขึ้นออกมาขึ้นมือคุณ อาจจะทำให้ Blind Up จนคุณหมดตัวก่อนก็ได้เช่นกัน